วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ภูมิภาคตะวันตก ( คันไซ )



ภูมิภาคคันไซเจริญก้าวหน้าในฐานะที่เป็นเมืองเศรษฐกิจหลักของญี่ปุ่นยาวนานตั้งแต่สมัยอดีต คันไซเป็นภูมิภาคที่มีชีวิตชีวา ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นอย่างชัดเจนแม้กระทั่งในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีบรรยากาศที่พิเศษมาก สร้างความคึกคักให้กับผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดี 


เมืองโอซาก้า (Osaka) ใช้เวลาเดินทางจากโตเกียว 3 ชม. โดยรถไฟด่วนพิเศษชินคันเซน หรือ 1 ชม. โดยเครื่องบิน โอซาก้าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับสามของญี่ปุ่น และเป็นศูนย์รวมทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมสำหรับญี่ปุ่นตะวันตก ตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำโยโดะ โอซาก้ามีคลองที่เชื่องโยงกันไปมาภายใต้ถนนหลายเส้น ซึ่งนั่นเป็นปัจจัยสำคัญที่นำความเจริญก้าวหน้ามาสู่เมือง

ในฐานะที่เป็นเมืองดั้งเดิม จึงมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นต้นแบบของ ละครหุ่นกระบอกบุนระคุ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังไม่ควรพลาดชมอ่าวโอซาก้าซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางความทันสมัยที่สุด เดือนมีนาคม 2001 โอซาก้าเปิดสวนสนุกแห่งใหม่ซึ่งจำลองแบบจากฮอล์ลีวูด
ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน เป็นสถานที่เที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกแห่งเพิ่มขึ้นมาจากเดิม


ที่พลาดไม่ได้อย่างยิ่งคือ ปราสาทโอซาก้า ครั้งหนึ่งเคยเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี 1586 โดยโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ปัจจุบันเป็นป้อมปราการสูงห้าชั้น จำลองแบบจากของเดิม เก็บรักษาศิลปะวัตถุโบราณหลายชิ้น ทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโทโยโทมิและโอซาก้าในอดีต

เมืองนะกะโนะชิมะ (Nakanoshima) เป็นเมืองศูนย์กลาง ตั้งอยู่บนพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำขนาดเล็กบริเวณแม่น้ำโยโดะ มี ศาลเจ้าเท็มมังหงุ ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับมิจิซะเนะ ซุงะวะระ นักวิชาการที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ใกล้กันนั้นเป็นถนนช้อปปิ้ง เท็นจินบะชิ ที่เจริญก้าวหน้ามาได้ยาวนาน ก็เพราะเหล่านักแสวงบุญและนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนยังศาลเจ้าท้องถิ่นนี้นั่นเอง ทางเดินที่เต็มไปด้วยศูนย์การค้า พอจะทำให้เห็นได้บ้างถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนท้องถิ่น

สำหรับแหล่งบันเทิงและย่านช้อปปิ้ง พลาดไม่ได้เลยที่จะต้องแวะมายัง ย่านอุเมะดะ และ ย่านนัมบะ ที่มีสถานีรถไฟ และศูนย์การค้าใต้ดินที่ทันสมัยอยู่จำนวนมาก สำหรับนักจับจ่ายซื้อของ  และนักชิมอาหาร “คุยดะโอเระ” ถนนนักชิมที่มีชื่อเสียงสมคำเล่าลือ ที่ว่าโอซาก้าเป็นเมืองสำหรับนักชิมอย่างแท้จริง อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ เช่น ยากิ-นิกุ (เนื้อย่าง) ฟุกุ-นาเบะ (ปลาปักเป้ากระทะร้อน)  ซูชิ และ ทาโกะ-ยากิ (ปลาหมึกปิ้ง)


เมืองโกเบ (Kobe) เดินทางโดยรถไฟเพียง 30 นาทีจากโอซาก้าเป็นเมืองท่าสำคัญที่เคยเป็นแหล่งพักอาศัยของชาวต่างชาติ จึงเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ในช่วงการปฏิรูปสมัยเมจิที่เริ่มขึ้นในปี 1868 เมืองนี้เต็มไปด้วยเนินเขา มีตรอกและทางเดินแคบๆคดเคี้ยวอยู่มากมาย มี
เขารอคโค ซึ่งมี บ่อน้ำแร่อะริมะออนเซน อยู่ไม่ไกลนัก เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้มาเที่ยวชมวิวและแช่น้ำแร่

หอคอยอ่าวโกเบ มีความสูงถึง 108 เมตร สวยงามไปด้วยแสงไฟที่สว่างขึ้นในยามเย็น ตรงข้ามกันคืออ่าวโกเบ บ่งบอกถึงความก้าวหน้าใหม่ๆ ของเมืองริมฝั่ง ดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวผู้ที่ชื่นชอบวิวยามค่ำคืนได้เป็นจำนวนมาก


เมืองฮิเมะจิ (Himeji) ที่ตั้งของ ปราสาทฮิเมะจิ เป็นปราสาทที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นที่คงรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ และ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก สามารถเดินไปจากสถานีฮิเมะจิ ซึ่งไม่ไกลจากโอซาก้านัก

ศาสนสถานบน ยอดเขาโคยะ ขึ้นได้โดยนั่งรถไฟ 2 ชม. จากโอซาก้า ซึ่งสร้างขึ้นในปี 816 โดยโคโบะ ไดชิ ศาสดาของ
นิกายชินคอน ศาสนาพุทธ ศาสนสถานแห่งนี้ประกอบไปด้วยวัดจำนวนมากกว่า 120 แห่ง มีห้องพัก 53 ห้องด้วยราคาเหมาะสม สำหรับผู้ที่เป็นมังสวิรัติ ในแต่ละปี มีผู้ที่ต้องการแสวงบุญเดินทางมาเยี่ยมเยียนถึง 1 ล้านคน

เกียวโต (Kyoto) และนารา (Nara)

สองเมืองหลวงเก่าแก่ แหล่งประเพณีและของล้ำค่าที่ไม่มีที่ไหนเทียบได้ ยังคงสิ่งต่างๆในอดีตไว้ไม่เปลี่ยนแปลงตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา วัดต่างๆที่เป็นเครื่องหมายแห่งกาลเวลา และถนนเก่าแก่ที่เงียบสงบ ชวนให้นึกถึง “ประเทศญี่ปุ่น” ที่หลายคนวาดภาพไว้

เมืองเกียวโต (Kyoto) เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นเมื่อ 1,000 กว่าปีมาแล้ว ระหว่างช่วงเวลานั้น ก็กลายมาเป็นแหล่งที่ดีที่สุดที่รวบรวมศิลปะ วัฒนธรรม ศาสนา และแนวความคิดต่างๆของญี่ปุ่น จากโตเกียวสามารถเดินทางโดยรถไฟด่วนชินคันเซน ใช้เวลา 2.40 ชม. และ 1.15 ชม. จากสนามบินระหว่างประเทศคันไซ ใกล้กับเมืองโอซาก้าศูนย์กลางของเกียวโต เป็นที่ตั้งของพระราชวังเกียวโต ที่มีชื่อเสียงสูงสุดทางด้านสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เรียบง่าย (หมายเหตุ : นักท่องเที่ยวต้องขอใบอนุญาตเข้าชม 20 นาที ก่อนรอบเช้า 10.00 น. หรือรอบบ่าย 14.00 น.) ใกล้กันนั้นคือ ปราสาทนิโจะ ซึ่งได้รับการคัดเลือกเป็นมรดกโลก ที่มีการออกแบบที่หรูหรามากกว่า เคยเป็นที่พำนักชั่วคราวของ โชกุนโทคุกาวะที่นานครั้งจะมาเยือนเมืองนี้

ย่านกิออง อยู่ใกล้กับ ถนนชิโจะ-คะวะระมะจิ เป็นสถานที่ยอดเยี่ยมสำหรับชมศิลปะเก่าแก่และละครพื้นบ้าน ร้านอาหารแบบดั้งเดิมเรียงรายตามถนนเพิ่มความโดดเด่นให้กับบรรยากาศที่ละเอียดอ่อน และในย่านฮิงะชิยามะ มี วัดซันจูซันเก็นโดะ  สิ่งที่ทำให้วัดนี้เป็นที่รู้จักคือเจ้าแม่กวนอิมเทพีแห่งความเตตา ในปรางต่างๆที่ทำจากไม้ฉาบทอง มากถึง 1,001 ปราง 


นอกจากนี้ ที่ วัดคิโยะมิซึ ภายในมีระเบียงไม้ที่ยื่นออกมาเหนือหุบเขา ทำให้เห็นวิวเมืองได้โดยกว้าง และ วัดงิงคะคุหยิ หรือวัดพลับพลาเงิน รู้จักกันดี ทั้งในด้านสถาปัตยกรรมที่ประณีต และความสวยงามที่ไม่สามารถบรรยายได้ของสวนในวัดนี้

พระราชวังคัตซึระ ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเกียวโต ถือว่าเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีของสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่น และทิวทัศน์ของสวนที่สวยงาม รวมถึง พระราชวังชูงะกุอิน ซึ่งสร้างขึ้นในสตวรรษที่ 17 ภายใต้การปกครองของโชกุนโทคุกาวะ ในฐานะสถานพักฟื้นของ จักรพรรดิโกะ-มิซุโนะ จะเข้าชมที่นี่ได้จากตัวแทนสำนักพระราชวัง ควรจะยื่นคำร้องขออนุญาตเข้าชมล่วงหน้าหลายวันก่อนเยี่ยมชม


ย่านอะระชิยะมะ เพียง 20 นาทีโดยรถไฟจากตัวเมืองเกียวโต ที่นี่เต็มไปด้วยธรรมชาติขุนเขาและสายน้ำ วัดและร้านค้าต่างๆมากมาย จะเดินเที่ยวหรือปั่นจักรยานก็สามารถทำได้ มีทั้งเส้นทางรถไฟชมธรรมชาติด้วย

ทางตะวันตกของเมืองเกียวโต มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้ง วัดคินคะคุหยิ (วัดพลับพลาทอง) มีชื่อเสียง  และ วัดเรียวอันหยิ มีสวนหินที่ขึ้นชื่อ โดยใช้หินและทรายขาวออกแบบอย่างเรียบง่าย จำลองธรรมชาติไว้มุมหนึ่งในวัด

เมืองนารา (Nara) ห่างจากทางใต้ของเกียวโต 43 กิโลเมตร หรือ 30 นาที เป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของญี่ปุ่นก่อนเมืองเกียวโต เป็นเมืองสำคัญที่รวบรวมเอาศิลปะ งานหัตถกรรม วรรณคดี และประเพณีดั้งเดิมของญี่ปุ่นไว้


สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอยู่ใกล้กับสถานีนารา เป็น สวนสาธารณะนารา หรือที่รู้จักกันว่าเป็นสวนกวาง เนื่องจากเป็นที่อยู่อาศัยของกวางเชื่อง


วัดโทไดหยิ  เป็นโบราณสถานที่มีชื่อเสียง มีวิหารไดบุทสึเด็นซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปใหญ่แห่งเมืองนารา ได้รับการยอมรับว่าเป็นสิ่งก่อสร้างด้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

ทางด้านตะวันตกเป็นที่ตั้งของ วัดโคฟุคุหยิ สร้างเมื่อปี 710 มีพระพุทธรูปที่มีค่ามากประดิษฐานอยู่ในสำนักมรดกแห่งชาติ ใกล้กันนั้นคือเจดีย์ห้าชั้น ตั้งริมน้ำซะรุซะวะ 

พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินารา ที่ซึ่งเก็บรวบรวมชิ้นงานศิลปะทางศาสนาพุทธทุกยุคทุกสมัย

ศาลเจ้าคะซึกะ ตั้งอยู่ด้านหลังวัดโทไดหยิ ที่สร้างขึ้นในปี 768 หนึ่งในศาลเจ้าลัทธิชินโตที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ศาลเจ้านี้เคลือบเงาสีแดงสดก่อให้เกิดความสวยงามตัดกับธรรมชาติที่แวดล้อมไปด้วยสีเขียว มีโคมหินประมาณ 1,800 โคม ตั้งเรียงเป็นทางยาวตลอดริมระเบียงทางเดิน

วัดโฮริวหยิ ที่ใช้เวลาเพียง 45 นาทีโดยรถไฟจากสถานีนารา ไม่เพียงแต่เป็นวัดที่สำคัญที่สุดในญี่ปุ่นเท่านั้น ยังเป็นวัดไม้ที่มีความสำคัญสวยงามมากจน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก สร้างขึ้นในปี 607 มีการบูรณะเพิ่มเติมอยู่กว่า 40 อาคาร นอกจากนี้วัดแห่งนี้ยังได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นสิ่งก่อสร้างด้วยไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น